Nagano

เที่ยวนีงาตะและนากาโนะ ที่กิน ที่เที่ยว ที่พักเต็มๆ 6 วัน : Day 2-3 ไหว้พระเซนโคจิ ดูลิงแช่ออนเซ็น

Day 2
– ดูลิงแช่อนเซ็น Snow Monkey Park
– ไหว้พระ Senkoji
– กินขนมอร่อยๆที่ถนนคนเดิน Nakamise
– อาหารพื้นเมือง Seiro mushi 
– พักที่โรงแรม Hakuba Tokyu Hotel


(((Blog ตอนนี้มีสองวันต่อกันเลยนะคะ)))

Day 3  
– เล่นสกีที่ Hakuba iwatake snow field
– กินขนม ร้าน Apple & Roses

จากเมืองชิบุอนเซ็นที่เราพักเมื่อคืน เดินทางไป Snow monkey park ไม่ไกลขับรถไปประมาณ 10 นาที นักท่องเที่ยวส่วนมากเลยไม่พลาด เวลามาพักที่ชิบุอนเซ็นก็ต้องไปดูลิงหรือไปดูลิงแล้วกลับมาพักที่ชิบุอนเซ็น 

คนญี่ปุ่นจะเรียกที่นี่ว่า Jigokudani Monkey Park ที่นี่ตั้งอยู่ในหุบเขาแม่น้ำ Yokoyu ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Joshinetsu Kogen 

Jigokudani มีความหมายว่า “หุบเขานรก”

Snow Monkey Park
สามารถมาดูลิงได้ตลอดทั้งปี ในช่วงเดือนเมษา – พฤษภาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่ลิงจะคลอดลูก มาแล้วจะได้เจอลูกลิงเพิ่งเกิดน่ารักๆ แต่ต้องบอกว่าเดินไกลมากนะคะ

ถ้าเป็นฤดูหนาวหิมะตก ระวังลื่นและใช้เวลาเดินขึ้นเขาไปนานเหมือนกันค่ะ ราวๆครึ่งชั่วโมงเลย ระหว่างทางมีวิวที่สวยงาม สามารถแวะถ่ายรูปพักเหนื่อยกันเป็นระยะๆได้
ที่นี่มีค่าเข้าชมคนละ 800 เยน 

คำเตือน
การลงแช่น้ำร้อนของลิงที่นี่เป็นธรรมชาติของน้องๆค่ะ เมื่ออากาศหนาวน้องลิงต้องสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย ซึ่งเราสามารถดูน้องได้แบบใกล้ๆ แต่ห้ามรบกวนหรือจับน้องเด็ดขาด และห้ามเอาอาหารไปให้น้องนะคะ

พิกัด : https://goo.gl/maps/xEfuLKjXmZ6dSNCw8
เวลาทำการ : ฤดูร้อน 8.30 – 17.00, ฤดูหนาว 9.00 – 16.00 
ค่าเข้า : ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน
วิธีเดินทาง : จากสถานี Yudanaka นั่งบัสสาย Kanbayashi ไปลงป้าย Kutsunomimyo เดินต่อประมาณ 3.1 กม.
หรือ จากสถานี Nagano นั่งบัสสาย Express Shiga Kogen ลงป้าย Snow Monkey Park เดินต่อประมาณ 3.8 กม.

เดินทางกันต่อ เราจะไปไหว้พระกันที่วัดเซ็นโคจิ เมื่อมาถึงนากาโนะอยากให้แวะมากันจริงๆค่ะ กล่าวกันว่าทีนี่เป็นวัดพุทธแห่งแรกและเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นด้วยไม้ และเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวเมืองนากาโนะ 

Senkoji
อาคารหลักด้านในห้ามถ่ายรูปนะคะ แต่ครั้งนี้เราได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ ด้านในจะเป็นปรัมพิธีสวดวัด ทุกเช้าจะมีพระจากทั้งหมด 39 แห่งมารวมตัวสวดมนต์ทุกเช้า

ที่วัดเซ็นโคจิไม่แบ่งแยกชนชั้น ไม่แบ่งแยกนิกายและไม่จำกัดความศรัทธาของสตรีในพุทธศาสนา ทำให้องค์ประธานสวดมีพระที่เป็นสตรีด้วยค่ะ ทำให้คนจากหลากหลายทั่วสารทิศต่างศรัทธาและมาเคารพไหว้พระขอพรกันที่นี่

จนมีคำกล่าวโบราณของญี่ปุ่นที่ว่า “เป็นวัดที่ต้องไปให้ได้ครั้งหนึ่งในชีวิต”

ตัวอักษรที่เขียนด้วยคันจินั้นซุกซ่อนรูป​ “นกพิราบ” อยู่ 5 ตัว ให้ลองสังเกตกันดีๆ
นกพิราบที่วัดนี่มีเยอะมากค่ะ ซึ่งนกพิราบนั้นเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ดังนั้นที่ประตูซันมงที่เราขึ้นไปด้านบนได้นั้น จะติดกรงไว้กันนกพิราบเข้ามาด้านในซึ่งบนนี้จะมีองค์พระแม่กวนอิมอยู่อีก 100 องค์

ก่อนถึงอาคารหลัก ด้านขวามือจะมีรูปพระโพธิสัตว์ที่คอยช่วยเหลือมนุษย์ในภพภูมิต่างๆทั้ง 6 ภพ ได้แก่ นรก เปรต สัตว์ อสูร มนุษย์และสวรรค์

ด้านในปรัมพิธีหรือที่ทำพิธีสวด เป็นเขตด้านใน “ห้ามถ่ายรูป” จะมีองค์พระโพธิสัตว์ 25 องค์ เป็นเรื่องราวของเหล่าองค์พระโพธิสัตว์ที่ขี่เมฆมารับผู้มีจิตศรัทธาไปสู่สรวงสวรรค์

นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปที่ได้รับมาจากราชวงศ์ไทย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สวยงามมากค่ะ ตั้งอยู่ด้านหน้าทางลงไปใต้ดิน

ซึ่งเป็นสถานที่มืดมาก ข้างล่างนี้อยากให้เดินไปเอามือสัมผัสกำแพงไปด้วยค่ะ
เพราะเราจะผ่านสลักประตูที่ได้พูดกันว่านี้คือ “Key to paradise” กุญแจสู่สวรรค์ จับแล้วเขย่าเบาๆจะทำให้บุญบารมี สิ่งมงคนตกลงมาใส่ตัวเราค่ะ เพราะด้านบนเป็นที่สถิตย์ขององค์พระพุทธรูปองค์แรกของประเทศญี่ปุ่นตำแหน่งพอดีๆกันเลย

สุดท้ายนี้อย่าลืมลูบองค์พระบินซุรุ เพื่อให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง

บริเวณหน้าวัดระหว่างประตู Niomon และประตู Sanmon จะมีถนนคนเดินชื่อว่า
Zenkoji Nakamise Street เต็มไปด้วยร้านค้าที่ขายของฝากของที่ระลึก รวมถึงร้านของกินอีกมากมาย

แนะนำร้านอาหารพื้นเมือง Monzensaryo Yayoiza
อยู่ใกล้วัดเซ็นโคจิ เป็นร้านอาหารที่ปรับปรุงจากร้านค้าเสื้อทาทามิ ให้เป็นบ้านคนอยู่อาศัยซึ่งบรรยากาศภายในยังคงบรรยากาศบ้านเก่า ตกแต่งด้วยของใช้แบบเดิมคลาสสิคมาก 

มีเมนูชื่อว่า Seiro-mushi นำผักต่างๆของท้องถิ่นมาใส่ถาดนึ่ง ซึ่งถาดนึ่งนั้นเป็นถาดไม้ที่ทำจากไม้สนซาวาระ มีเนื้อวากิว เนื้อหมูคุโรบุตะและเนื้อไก่ให้เลือก หรือจะเลือกเป็นผักล้วนก็ได้ นำไปนึ่งแล้วทานกับน้ำจิ้มพอนสุหรือน้ำจิ้มงา อร่อยมากและเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพมาก

พิกัด : https://goo.gl/maps/yJxbWPuXHCVSDs4SA
เวลาทำการ: 11.30 – 20.00 น. (หยุดวันอังคาร, วันพุธที่ 2 และวันจันทร์ที่ 3 ของเดือน)
วิธีเดินทาง : 
– นั่งสายใต้ดินจากสถานี Nagano ไปลงสถานี Zenkojishita 3 ป้าย ประมาณ 4 นาที (170 เยน) และเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
– หรือเดินจากสถานี Nagano ประมาณ 30 นาที

แนะนำว่ามาเดินถนนคนเดินนากามิเสะหน้าวัดเซ็นโคจิ ต้องลองของกินขึ้นชื่อของจังหวัดนากาโนะนะคะ คือโอยะกิ ขนมคล้ายมันจูนึ่งค่ะ เป็นแป้งหนาหน่อยด้านในมีไส้ต่างๆ กับร้านพายแอปเปิ้ลชื่อดัง 

BENI-BENI คัสตาดแอปเปิ้ลพาย หอมและอร่อยมาก มีเมนูตามฤดูกาลด้วยตอนนี้เป็นคาราเมลพายแอปเปิ้ล

เย็นวันนี้เราไปนอนที่เมืองฮาคุบะ (Hakuba Village) เพราะเช้าพรุ่งนี้เราจะไปลานสกีกันค่ะ 

โรงแรม Hakuba Tokyu Hotel

มื้อเย็นที่โรงแรมเป็นอาหารฟิวชั่น อาหารญี่ปุ่นแต่จัดเสิร์ฟใส่จานสวยงาม มาเป็นคอร์สเลย อร่อยทุกอย่างจริงๆ

ห้องพักกว้างขวาง มีระเบียงที่สามารถออกไปชมวิวเทือกเขาแอลป์ได้ ก่อนจะมีโควิดตอนค่ำจะมีบาร์และบริเวณพักผ่อนส่วนกลาง ต้องหยุดให้บริการไปก่อนค่ะ นอกจากนี้ยังมีอนเซ็นให้แช่ด้วย น้ำอนเซ็นจะช่วยให้ผ่อนคลายจากอาการเหนื่อยหลังจากไปเล่นสกีและยังทำให้ผิวพรรณดีด้วย

Day 3  
– เล่นสกีที่ Hakuba iwatake snow field
– กินขนม ร้าน Apple & Roses

เช้าวันนี้เราไปลานสกี Hakuba iwatake snow field ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก ที่นี่เป็นลานสกีที่อยู่ห่างจากตัวเมืองนากาโนะประมาณ 40 กม.และเป็น 1 ในลานสกีที่ Hakuba ที่มีวิวสวยสุดยอด! มีระดับความสูง 1289 เมตร

สถานที่เล่นสกีที่สามารถสัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามของเทือกเขาแอลป์ได้แบบ 360 องศา ที่นี่เหมาะกับผู้เล่นทุกระดับ ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงระดับแอดวานซ์เลย มีคอร์สให้เลือกเล่นหลากหลายถึง 26 คอร์ส เลือกเล่นได้ตามความถนัด

ที่ด้านล่างก่อนขึ้นกระเช้าไฟฟ้า จะมีร้านเช่าชุดสกีมีครบทุกอย่างค่ะ อันไหนที่เราไม่มีจะซื้อเป็นของตัวเองเลยก็ได้ เช่น หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอต่างๆ 

ด้านบนหลังจากที่เรานั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นมาแล้วนั้น กิจกรรมแรกที่เป็นไฮไลท์เลยอย่างนึงคือ นั่งชิงช้า ที่วิวข้างหน้าคือเทือกเขาแอลป์ Yoo-Hoo! SWING ตั้งอยู่ตรงหน้าผาที่ด้านหน้าเป็นวิวที่สุดยอดมากๆ ชิงช้าสองตัว ระหว่างเราเล่นชิงช้าจะมีเปิดเพลงเพิ่มความสนุกสนานไปด้วยค่ะ
จุดนี้แนะนำให้ถ่ายรูปกันไว้เยอะๆเลย ไม่เหมือนใครแน่นอน

ใกล้ๆกันมี City Bakery (Hakuba Mountain Harbor) มีถิ่นกำเนิดในนิวยอร์ก เป็นคาเฟ่ขายเครื่องดื่มและขนมปังเบเกอรี่ที่อร่อยมาก ด้านหลังเป็นที่นั่งด้านนอกที่วิวเป็นเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น เป็นจุดถ่ายรูปสวยๆได้เลยเช่นกัน

นั่งลิฟท์ลงมาอีกชั้นของลานสกี จะมี Chavaty Café สามารถนั่งลิฟต์จากบนยอดเขาลงมาได้ คนที่เล่นสกีไม่เป็นก็สามารถมาได้นะคะ
จะนั่งในร้านก็ได้ แต่คนส่วนมากนั่งด้านนอก เพราะวิวสวยมาก เมนูเป็นเครื่องดื่มชาตามชื่อร้านเลย Hot tea Latte, Ice tea Latte,Softcream,และ Scone

วันนี้เรามาฝึกเล่นสกีด้วย อยากแนะนำอีกอย่างสำหรับมือใหม่ คนไม่เคยเล่น และคนที่เล่นไม่เป็นกันเลย ให้หาอาจารย์ที่สอนสกีได้มาดูแลสอนให้นะคะ เพราะการดูแลคนเล่นไม่เป็นเลยต้องใช้ทักษะพิเศษมากค่ะ เพราะ instructor หรืออาจารย์เค้าจะรู้ว่า ต้องรับมือหรือต้องป้องกันตอนเราตอนล้มยังไง และวิธีการสอนนับหนึ่งเลยควรเริ่มตรงไหนค่ะ 

เราเองเรียนมา 3-4 ครั้งก็จริงแต่ก็เล่นไม่เป็นเลย มาเรียนอีกก็เหมือนคนหัดใหม่ อาจารย์ต้องใจเย็นมากๆ เริ่มตั้งแต่สอนเบรกก่อนเป็นอย่างแรก ตั้งท่าเป็นเลขแปดในภาษาญี่ปุ่น หรือรูปร่างเหมือนพิซซาชิ้นสามเหลื่ยม แล้วคนสอนก็จะค่อยๆให้เราทรงตัวแล้วไหลๆไปในระยะที่ค่อยๆยาวขึ้นค่ะ 

เราว่าการเรียนสกีสำหรับมือใหม่ ควรให้เวลามากๆ อย่างน้อยต้อง 4-5 ชั่วโมง ถึงจะเริ่มเล่นเองแบบคอร์สได้ง่ายๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นร่างกายต้องพร้อมด้วยนะคะ เพราะการเล่นสกีต้องใช้พลังมากเลยค่ะ กล้ามขาต้องแข็งแรงไม่งั้นจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อ

เราฝึกเล่นสกีกันถึงตอนเย็นก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกไปหาอะไรทานกันค่ะ 
เป็นร้านขนม High tea ที่หรูหราแต่ราคาไม่แพงเลย แล้วอร่อยด้วย

ร้าน Apple & Roses
เป็นร้านขนมที่อยู่ระหว่างทาง ตั้งอยู่ที่เมือง Azumino  

เจ้าของร้านมีแนวคิดอยากเผยแพร่ความอร่อยของแอปเปิ้ลให้ผู้คนได้มากที่สุด โดยผ่านของหวานบนจานข้างหน้า ทางร้านได้คัดสรรเอาวัตถุดิบที่มีคุณภาพของท้องถิ่นบวกกับนำเอาวัฒนธรรมอาหารของจังหวัดนากาโนะมาใช้ในการปรุงแต่ง

อยากแนะนำให้ลองเมนูแอปเปิ้ลโรส เป็นทาร์ตที่ทำจากแอปเปิ้ลขึ้นชื่อที่ปลูกในจังหวัดนากาโนะเอง รูปแบบสวยงาม เป็นใช้แอปเปิ้ลฝานบางๆมาทำเป็นดอกกุหลาบวางบนทาร์ตแอปเปิ้ลอีกทีค่ะ

หรือจะเลือกเป็นเซ็ตน้ำชายามบ่ายสุดหรูที่เคาน์เตอร์ส่วนตัว ซึ่งราคาเซตนี้อยู่ที่ 7000 เยน/2 คน ที่ร้านยังมีชาให้เลือกหลายรสชาติเลยค่ะ 
นอกจากสาขาที่นากาโนะแล้วยังมีสาขาที่สาขาชิบูย่าและเซี่ยงไฮ้อีกด้วย

พิกัด : https://goo.gl/maps/gWb5r8WHA4gXTp3R6
เวลาทำการ: 
– ฤดูร้อน (เมษายน-ตุลาคม) 10.00 – 18.00 น. เดือนสิงหาคม (เปิดทุกวัน)
– ฤดูหนาว (พฤศจิกายน-มีนาคม) 10.00-17.00
*ร้านหยุดทุกวันอังคาร ในช่วงฤดูร้อน และหยุดทุกวันอังคารและวันพุธในช่วงฤดูหนาว*

วิธีเดินทาง : จากสถานี Hotaka นั่งแท็กซี่ประมาณ 10 นาที หรือ นั่งบัสที่วิ่งในเมือง Azumino มาลงที่ป้าย Apple & Roses ได้เลย
หรือจะนั่งบัส West Loop – Chihiro / Alps Park Line ลงป้าย Vif Hotaka เดินต่อประมาณ 900 เมตร
เว็ปไซต์ : http://apple-roses.com/

คืนนี้เรามาพักกันที่เมืองมัตสึโมโตะ
ชื่อโรงแรม Buena Vista Hotel
โรงแรมใจกลางเมืองมัตสึโมโตะ อยู่ห่างจากสถานที่สำคัญปราสาทมัตสึโมโตะประมาณ 1 กม. 

ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมนี้สามารถมองเห็นวิวได้ทั่วๆเมืองมัตสึโมโตะเลยค่ะ เพราะที่นี่เป็นตึกที่สูงที่สุดในเมืองมัตสึโมโตะ หลายคนนิยมมาจัดงานแต่งงานและถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันที่นี่ มีห้องจัดเลี้ยงกว้างเลย และชั้น 14 ของโรงแรมมีห้องอาหารแบบเทปปังยากิ บาร์ ที่มีวิวสวยมากค่ะ โดยเฉพาะตอนกลางคืน

ห้องอารหารที่เราไปทานกันอยู่ในโรงแรมเป็นห้องอาหารจีน ที่นี่ยังมีอาหารอื่นๆอีกหลายอย่างให้เลือกนะคะ ห้องพักที่นี่มีหลายแบบค่ะ และสำหรับห้องพักที่เป็น Executive สามารถเข้าใช้ Executive loungeได้ สามารถเพลิดเพลินกับเครื่องดื่ม ของว่างเบาๆ น้ำชา กาแฟ และเครื่องดื่มคอกเทลได้

พิกัด : https://goo.gl/maps/P7vr43jpPt9JSvJT6
วิธีเดินทาง : จากสถานี Matsumoto นั่ง shuttle bus ของโรงแรม 2 นาที หรือเดิน 7 นาที
เว็ปไซต์ : https://www.buena-vista.co.jp/

ทริปเดียวกันในตอนอื่นๆ

Day 1 : ออกจากโตเกียว
เล่นหิมะที่ลานสกี GALA Yuzawa – เทศกาลคามากุระ (กระท่อมหิมะ) – พักที่เมืองชิบุอนเซ็น

Day 4 : เที่ยวเมืองมัตสึโมโตะ 
แต่งชุดกิโมโนเดินเล่นปราสาทมัตสึโมโตะ – ถนนนาวาเตะ (Nawate Street) – ถนนคนเดินนากามะจิ Nakamachi – เก็บสตรอว์เบอร์รี่ -ไปพักเมืองอนเซ็น Hayataro Onsen

Day 5 Day 6  : กิจกรรมเดินบนหิมะ สโนว์ชู ที่ Senjojiki – ทานอาหารขึ้นชื่อของเมืองโคมากะเนะ “ซอสคัตสึด้ง”- แวะกินซอฟครีม Komagane Farm – พักที่เมืองอนเซ็น Kamisuwa Onsen กิจกรรมเดินบนหิมะ สโนว์ชู ที่ Kita Yatsugatake Ropeway – ทานเจลาโต้

To Top