จากตอนเดิมเราย้ายเมืองมาที่ อิมาริ แล้ว วันนี้ทั้งวันเราจะไปเที่ยวเมืองเก่าที่เคยรุ่งเรืองด้านเซรามิกและบ้านเมืองที่นี่ก็มีลักษณะเด่นเฉพาะแบบ ที่สำคัญหนังและละครไทยก็มาถ่ายทำเก็บรรยากาศจากสถานที่แห่งนี้ด้วย
หนังที่ฉายไปแล้วคือเรื่อง “Timeline จดหมายความทรงจำ”และละครที่กำลังจะออนแอร์เร็วๆนี้นำแสดงโดยชมพู่กับพี่เบิร์ด “กลกิโมโน”เราจะได้เห็นสถานที่แห่งนี้ในเรื่องค่ะ
ความเดิมตอนที่แล้ว
เช้าวันนี้เราตื่นมาทานอาหารเช้าแบบสดใสสดชื่น เพราะห้องพักนอนสบายมาก เงียบ สงบและได้แช่ออนเซนดีๆหลับสบาย
ห้องอาหารเช้ามองเห็นวิวที่เริ่มมีใบไม้เปลี่ยนสี (ตอนกลางคืนเปิดไฟ Light up ก็สวยไปอีกแบบ) อาหารเช้าถือว่าสำคัญมากโรงแรมนี้จัดเต็มจริงๆ กินไม่หมดเลยทีเดียว … ข้าวสวยร้อนๆกับไข่ดิบเหยาะโชยุ อร่อยที่สุดแล้วววววว ~
เช้าวันนี้เรามีเรื่องลึกลับ น่าสนใจมานำเสนอ
ตอนแรกตั้งใจจะไปดูงานที่โรงงานทำสาเกแห่งหนึ่งที่นี่เค้าได้รับรางวัลชนะเลิศ “เหล้าบ๊วย หรือ อุเมะชุ” ที่อร่อยที่สุด ก็เลยอยากไปเยี่ยมเยียนแต่สิ่งที่ได้มา เรารู้มากกว่าเหล้าบ๊วย มันเป็นข้อมูลที่ deep จริงๆ
โรงงานแห่งนี้ดูเป็นบ้านเก่าๆแบบสมัยก่อน คล้ายกับบ้านเรือนที่เมืองไทย เจ้าของ (ประธานบริษัท) ก็ออกมารอรับแล้วพาชม อธิบายการผลิตสาเกตามแบบดั้งเดิมที่ทำกันมาหลายรุ่น พาดูทุกมุมของโรงงาน หลายคนอาจจะไม่ได้สนใจเพราะว่าคนไทยมีจำนวนไม่มากที่นิยมดื่มสาเก (เราก็ไม่ดื่มนะแต่เป็นธรรมเนียมญี่ปุ่น จึงควรเรียนรู้เรื่องสาเกไว้บ้าง)
สิ่งที่เตะตาเราไปตลอดการเดินชมโรงงานคือ “เจ้าตัวกัปปะ” ที่วางเรียงรายเยอะแยะไปหมดทั่วโรงบ่มสาเกเลย
*เราคิดว่าเป็นของสะสมของเจ้าของโรงบ่มสาเกที่นี่
หลังจากเดินชมกันจนทั่วแล้ว เจ้าของโรงงานหรือประธานบริษัทก็พาเราไปด้านในสุดของโรงบ่มแล้วก็เปิดไฟฉายส่องไปที่หิ้งบูชา
“แคตโตะจัง รู้จักสิ่งนี้มั้ย” เจ้าของโรงบ่มสาเกถาม …
“อืมมมมม …. คล้ายลิง คล้ายแมว มันคือตัวอะไรคะ” แต่เห็นโต๊ะบูชาแล้วคิดว่าคงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนที่นี่หละ
“นี่คือ กัปปะ”
“ห๊ะ ! …. กัปปะ! ที่หนูเคยเห็นในนิทานนะคะ? ตัวเดียวกัน?”
แล้วเจ้าของโรงบ่มสาเกก็เล่าให้ฟังว่า
เมื่อประมาณ 50กว่าปีก่อน มีการค้นพบกัปปะตัวนี้บนคานสูงของโรงงานกำลังนอนอยู่ แต่ว่าก็เป็นซากแห้งกรังแล้ว เจ้าของ(รุ่นพ่อ) จึงนำลงมาแล้วพยายามดูว่าคือตัวอะไร ซึ่งก็หาคำตอบไม่ได้ หลายครั้งที่นักวิจัยสาขาต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์ นักค้นคว้าเรื่องกัปปะ มาขอร่างสิ่งนี้ไปพิสูจน์ จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครบอกได้ว่า คือสัตว์ชนิดใด
ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์(แมวและลิง) บอกว่า ส่วนประกอบของร่างกายต่างจากลิงและแมว มีนิ้วมือ 5นิ้ว นิ้วเท้า 3นิ้ว ลำตัวยาวประมาณ 90cm.
อาจจะเป็นสัตว์ประเภทนึงที่คล้ายมนุษย์ลิง ค่อยๆมีวิวัฒนาการมาจากที่เดียวกันแต่กัปปะอาศัยอยู่ตามริมน้ำทำให้มีการปรับสภาพร่างกายตามที่อยู่ ส่วนมนุษย์อาศัยบนบกจึงต่างกัน …
รูปจาก blog ของคนญี่ปุ่น http://portal.nifty.com/2011/05/21/b/
เราถามเจ้าของโรงงานบ่มสาเกไปว่า ไม่อยากรู้เหรอว่าจริงๆแล้วเค้าคือตัวอะไร อาจจะใช่หรือไม่ใช่กัปปะก็ได้
เจ้าของตอบกลับมา จนเราหมดคำถามไปเลยว่า “ผมไม่อยากรู้ เค้าคือสิ่งที่พวกเรานับถือ กัปปะเป็นผู้ดูแลสายน้ำสะอาด ที่ใดมีน้ำสะอาดจะมีกัปปะอยู่ที่นั่น ที่ใดมีน้ำสะอาด สาเกจะเลิศรส ผมไม่อยากทำลายความหวังและความฝันของครอบครัวและคนที่นี่ไม่ว่าเค้าจะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม”
ก่อนออกจากโรงงานบ่มสาเกแห่งนี้ ก็ต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับบมาแน่นอน “เหล้าบ๊วยลือชื่อ”ที่ได้รับรางวัล กับ สาเกขวดที่ดูน่ารักเหมาะกับเป็นของฝาก
ออกจากโรงบ่มสาเกด้วยความงงๆผสมกับความรู้ใหม่ อย่าไปทำลายฝันใครเค้าเลย “บางทีการไม่รู้อะไรสักเรื่อง จริง/ไม่จริง มันรักษาน้ำใจกันได้ยาวนานกว่า … เนอะ”
ออกไปเที่ยวเมืองโอคะวะจิยะมะ (Okawachiyama) กันค่ะ ที่นี่เป็นเมืองเก่ามีประวัติศาสตร์ยาวนานและมีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับเซรามิกชั้นนำสมัยก่อนจนถึงปัจจุบันนี้ เรามาที่นี่สองรอบห่างกันไม่กี่เดือนเอง บรรยากาศต่างกันมากครั้งนี้มีงานเทศกาลเครื่องรามชามไห คึกคักคนเยอะ
เมืองแห่งนี้มีความเป็นมาว่า ช่างปั้นเซรามิกฝีมือดีถูกกักขังไว้ที่นี่ด้วยประตูรอบเมืองสองชั้น ไม่สามารถเข้า-ออกไปนอกเมืองได้ เนื่องจากป้องกันการรั่วไหลของศิลปะประจำท้องถิ่น ดังนั้นช่างฝีมือและครอบครัวต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองนี้ไปตลอด แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถควบคุมได้ ยังมีช่างฝีมือบางคนที่หนีออกไปจากที่นี่ จึงทำให้ศิลปะการปั้น ออกแบบ ลวดลายเซรามิกต้นตำรับของเมืองนี้กระจายอยู่ทั่วไปตามเมืองใกล้เคียงและพัฒนาการไปเรื่อยๆจนมีเอกลักษณ์ตามแต่ละท้องถิ่น
ประตูเก่าของเมืองยังคงหลงเหลือไว้ให้ชมด้วยนะ ระหว่างที่เราเดินไปก็มีคุณลุงคุณป้าเรียกเข้าไปถ่ายรูปบ้าง ชวนคุยบ้าง คงเพราะไม่ค่อยได้เห็นต่างชาติมาที่นี่สักเท่าไหร่นัก ร้านแรกคุณป้าชวนคุยแล้วพาไปดูนิทรรศการเล็กๆในร้านก่อนพาไปนั่ง แล้วเอาโอวัลตินร้อนกับขนมมาให้กิน
พอเดินออกจากร้านนี้ก็ไปเจอบุคคลสำคัญ เป็นช่างฝีมือระดับเทพและบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงเซรามิกเลย
(จำความเดินตอนที่แล้ว ที่เราไปเจอจานเซรามิกชุดคิตตี้ได้ไหม เราเจอเจ้าของผลงานท่านนี้หละ)
คุณโคจิ เซโตะกุจิ เจ้าของผลงานและเจ้าของร้านเซรามิก Sehyo ที่มีชื่อเสียง เค้าบอกว่าคนญี่ปุ่นที่รู้จักเซรามิกก็ต้องรู้จักคุณลุงคนนี้แล้วก็สินค้าของ sehyo ด้วย เราไปขอถ่ายรูปและชมผลงานอื่นๆของคุณลุง วันนี้เค้าเอาน้องแมวมาขายในตลาด คุณลุงก็มานั่งขายเอง ชิลลลมาก
พูดคุยกับคุณลุงอยู่สักพัก ภรรยาคุณลุงออกมาจากร้านอีกฝั่งเรียกไปดื่มกาแฟในร้าน
พร้อมจัดใส่ชุดแก้วกาแฟราคาแพงที่ออกแบบโดยคุณลุงมาให้
ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้สึกถึงคุณค่าอ่ะนะ มองด้วยตาก็จะคิดว่า “ก็แค่ถ้วยเซรามิกเน้ออออ”
ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนี้ นิสัยแปลกๆอย่างนึงคือไปกินชากาแฟร้านไหนที่ใช้ถ้วยเซรามิก จะต้องหงายก้นชามถ้วยจานมาดูว่า ของร้านไหนออกแบบนะ 555~
เดินเล่นอยู่ที่นี่สักพัก แวะไปถ่ายหน้าร้านที่น้องเต้ย (Timeline จดหมายความทรงจำ) มาถ่ายฉากอ่านจดหมายก่อนไปลงเรือชมทะเลเรืองแสงร้านนี้ด้วย
ก็ไม่น่าจะใช้เป้าหมายของนักท่องเที่ยวชาวไทยทั่วไป เว้นแต่คนที่สนใจศิลปะเมืองนี้มีแกลอรี่เยอะ
ธรรมชาติออนเซนก็มี ความสวยงามแบบคิวชูทางใต้ของญี่ปุ่น ถ้าอยากเที่ยวอะไรๆที่มัน unseen และถามหาความเงียบสงบ ความเป็นญี่ปุ่นเก่าก่อน ที่นี่น่าสนใจไม่น้อยเลย
มื้อกลางวัน เรากลับไปทานที่โรงแรมเพราะดูฝนทำท่าจะตก เป็นอาหารตามใจเชพอีกตามเคย ทำอะไรมาก็มั่นใจว่าอร่อยค่ะ 555~
หลังจากมื้อกลางวันเราถึงเดินทางไปเมืองคะระสึ เพื่อที่จะไปรอดูเทศกาลแห่คะระสึกุนจิช่วงกลางคืน เลยมีเวลาแวะเที่ยวปราสาทคะระสึกับพิพิธภัณฑ์ด้วย ต่อตอนสุดท้ายเป็นตอนที่สี่ ตอนจบแล้ว ~
Pingback: 【SAGA】ทริป 5วัน 4คืน : เทศกาลบอลลูนนานาชาติ/คะระสึกุนจิ/เมืองเซรามิกระดับโลกอะริตะและอิมาริ/โร
Pingback: 【SAGA】ทริป 5วัน 4คืน : เทศกาลบอลลูนนานาชาติ/คะระสึกุนจิ/เมืองเซรามิกระดับโลกอะริตะและอิมาริ/โร