ไม่รู้จะเรียกว่า “รีวิวสั้น” ได้ไหม เพราะว่าไปมา 5วัน 4คืน เที่ยวจังหวัดเดียว และไปมาหลายที่มาก เพราะรู้สึกว่าจังหวัดนี้มักจะถูกลืมจากนักท่องเที่ยวเสมอๆ (รีวิวฉบับเต็มกำลังปั่นให้เสร็จนะค๊าาาา)
จังหวัดซะงะ หรือ ซะกะ (SAGA) บางท่านบอกว่าไม่คุ้นชื่อเลยอยู่ตรงไหนเหรอ
เรามารู้จักที่ตั้งของจังหวัดนี้กันค่ะ
SAGA อยู่ที่คิวชูติดกับจังหวัดฟุคุโอกะและนางาซากิค่ะ อ๋อเลย เพราะไปมาแล้วสองจังหวัดนี้ซึ่งข้ามผ่าน SAGA ไปอย่างน่าเสียดาย บางคนใช้ Shinkansen ผ่านสถานี Tosu ก็ไม่รู้ว่านั่นคือเสี้ยวหนึ่งของจังหวัด SAGA ค่ะ
ถ้าเดินทางด้วยชินกังเซนมาลงที่สถานี Hakata แล้วนั่ง express train ต่อมาที่ SAGA จะใช้เวลาประมาณ 40นาทีค่ะ
เส้นทางที่เราจะไปเราไล่เรียงตามวันตามเมืองแบบนี้นะคะ
Day 1 : เริ่มออกเดินทางจาก Fukuoka > เมือง Karatsu (North Area)
Day 2 : ออกจากเมือง Karatsu > เมือง Imari > Arita > เมือง Takeo > เมือง Ureshino (West Area)
Day 3 : ออกจากเมือง Ureshino > เมือง Kashima > เมือง Kanzaki > เมือง Tosu (East Area)
Day 4 : ออกจากเมือง Tosu > เมือง Karatsu
Day 5 : ออกจากเมือง Karatsu > กลับ Fukuoka
เห็นเยอะๆแบบนี้เถอะค่าาาไม่ชะโงกทัวร์นะคะ เดินอยู่นานสองนานกับแต่ละที่
แต่ที่แย่คือ จังหวัดนี้เดินทางไกล นั่งรถกันเป็นหลับตลอดทาง *อย่าได้ถามเลยว่าวิวระหว่างทางเป็นไงบ้าง zzZ
วันแรกเราไปลุยเมืองคะระซึกันก่อนเลย เดินทางออกจากฟุคุโอกะไปไม่ไกลโดยรถประมาณ 40นาที
ไปกันที่
Kagamiyama (Saga) จุดชมเมืองพาโนราม่าจังหวัด Saga และตำนานเจ้าหญิงซะโยะ
จุดชมวิวที่สวยงามมาก (ถ้าอากาศดี) เสียใจวันที่เราไปฟ้าตุ่นมากกกกกก ~*
มีตำนานของรูปปั้นนี้ด้วยค่ะ ถ้าไปช่วงหน้าฝนจะมีดอกอะจิไซหรือไฮเดรนเยียร์บานสะพรั่งสวยมากขึ้นอีก
รูปภาพประกอบจาก (บน) วิกิพิเดีย
ไปกันต่อที่ ท่าเรือโยบุโกะ ที่นี่เป็นเมืองชาวประมง ไปถึงเราจะได้กลิ่นทะเลแบบซึมลึกเหมือนอยู่อ่างศิลา บางแสน มีเรือนำเที่ยวชื่อ อิกะมารุ พาไปที่ถ้ำเจ็ดหม้อไฟ วิวสวย ถ้ำงดงามแต่ว่าเข้าไปในตัวถ้ำไม่ได้นะคะ
ขึ้นเรือลงเรือทั้งวันค่ะ สำหรับเส้นทางวันแรก ลงจากเรือปลาหมึก (อิกะมารุ) ที่โยบุโกะ ก็ไปเกาะกันต่อค่ะนั่งเรือไปอีกนิดหน่อยก็จะถึง “Houtou Shrine”
“Houtou Shrine” นั่งเรือข้ามเกาะไปขอ(ให้ถูก)หวย
เกาะนี้มีแมวเยอะค่ะ แต่จำนวนประชากรน้อย นักท่องเที่ยวคนญี่ปุ่นมากันเยอะมากโดยเฉพาะคนหวังรวยจากการซื้อล็อตเตอรี่
เมื่อมาถึงเมืองคะระซึ สถานที่พลาดไม่ได้เลยคือ พิพิธภัณฑ์แสดงรถลาก
Hikiyama Exhibition : เทศกาลคะระซึคุนชิ (พิพิธภัณฑ์แสดงรถลาก)
เพราะหลายคนไม่มีโอกาสได้มาเห็นเทศกาลนี้ด้วยตัวเอง การไปที่พิพิธภัณฑ์แสดงรถลากแห่งนี้จะมีแสดงรถลากที่ใช้ในงานของจริงและวิดิทัศน์แนะนำเกี่ยวกับเทศกาลอันยิ่งใหญ่ของจังหวัดซะงะค่ะ
จบวันที่หนึ่งไปอย่างเหน็ดเหนื่อย เพราะขึ้นรถลงเรือทั้งวัน
อ่อ~~~ลืมมมแนะนำอาหารขึ้นชื่อของเมืองคะระซึ ค่ะ
มันคือ Karatsu Burger นั่นเอง
ร้านน่ารักเก๋ๆอยู่ในรถ แวะจอดรถแล้วซื้อนั่งทานใกล้ๆสวนสนที่นี่มีต้นสนเยอะมากและติดชายทะเลเลย
Karatsu Burger ร้านนี้เราเจอที่มัตทสึบะระ พิกัดราวๆนี้ค่ะ 佐賀県唐津市虹ノ松原
โรงแรมคืนแรกที่เราพักค่ะ Karatsu Royal Hotel โรงแรมมองเห็นแม่น้ำด้วย กลางคืนสวยอยู่ไม่ไกลจากปราสาทคะระทสึ (รูปไม่มีแสงเลย มืดมัวเพราะลืมเปิดไฟก่อน แฮะๆ)
เริ่มวันที่สองกันเลยมั้ย Day 2 ข้ามเมืองกันไปเลย เราจะไปที่ West Area กันค่ะ คือนั่งรถดิ่งลงมาทางใต้ของจังหวัดไปสี่เมืองรวดเลยค่ะ เมือง Imari, Arita,เมือง Takeo,และเมือง Ureshino
**ทำไมต้องไปรวดเดียวขนาดนี้ บอกเลยค่ะว่าเมือง Imari และ Arita จัดอยู่ในธีมเดียวกัน คือเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านเครื่องปั้นดินเผา ของใช้เซรามิกจนเป็นที่รู้จักกันทั่วโลก สินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านจากเมืองนี้เป็นสิ่งที่นักศิลปะออกแบบตามหาและใฝ่ฝันสักครั้งว่าต้องมาที่ Arita ดูด้วยตาตัวเองให้ได้ …
ก่อนออกจากเมืองคะระซึ เราแวะระหว่างทางเพื่อไปชมดอกอะจิไซหรือไฮเดรนเยียร์กันที่น้ำตกมิคะเอริ
Mikaeri waterfall น้ำตกมิคะเอริและดอกไฮเดรนเยียร์
ที่นี่ทุกปีเดือนมิถุนายนจะมีดอกอะจิไซบานสะพรั่งเยอะมากเป็นพันๆต้น ระหว่างทางที่เดินขึ้นเขาไปน้ำตกจะเห็นดอกอะจิไซหลายสายพันธุ์และหลากสีสวยงามและสดชื่นมากๆ
นั่งรถไปกันที่เมือง Imari ค่ะอยู่ทาง west ของจังหวัดนี้กันแล้ว ไปกันที่ Okawachiyama (Imari)
ทุกสิ่งอย่างในเมืองนี้ตกแต่งไปด้วยเซรามิกของขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ ตั้งแต่ป้ายหน้าสถานี สะพาน และระหว่างทางที่เดินเล่นในเมืองเล็กๆแห่งนี้
Imari : Village of Ceramics and Fruits เมืองเซรามิกและผลไม้
ทุกปีที่นี่จะมีงานเทศกาลกระดิ่งลมด้วย ประมาณปลายเดือนมิถุนายนถึงปลายสิงหาคม
ส่วนผลไม้ก็มีตามฤดูกาลเข้าเก็บได้ในสวน เช่น สาลี่ องุ่นหรือแอปเปิ้ล
ที่เมืองนี้เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังและละครสองเรื่องดังค่ะ ผู้ชายใส่สูทน้ำเงินกำลังลูบเครื่องปั้นแล้วพูดว่า “มันสวยมาก”
อีกไม่นานเราจะได้เห็นฉากนี้ในละครค่ะ
มื้อกลางวันกับสถานที่ที่จะไปต่อเลย ทานข้าวกันที่นี่แล้วก็เดินเล่นกันที่นี่ ที่ Arita
ทำกิจกรรมอย่างนึงด้วย คือวาดรูปลงแก้วเซรามิก มีชิ้นเดียวในโลกแน่นอน ฮ่าๆ
Arita Porcelain Park : เมืองจำลองของเดรสเดน (เยอรมนี) ที่รวมเครื่องปั้นดินเผา Arita ระดับโลก
รีวิวฉบับเต็ม : http://redlovetree.com/arita-porcelain-park-saga/
ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังญี่ปุ่นด้วยค่ะ เรื่อง 黒執事 Kuroshitsuji (Black Butler)
ออกจาก Arita ที่ใช้เวลาอยู่นานเพราะวาดรูปลงแก้วเครื่องเคลือบที่ต้องผ่านการเผาไฟและใช้เวลาอีกสองเดือนกว่าจะเสร็จ (จะส่งมาให้ที่บ้านหละ) ก็ไปเดินดูส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมสิ่งของล้ำค่าจากทั่วโลก เรียกว่าเป็นที่รวมผลงาน Arita Yaki ไว้ราคามหาศาลเลยที่นี่
ไปกันต่ออีกเมืองใกล้ๆค่ะ เมือง Takeo เมืองที่มีออนเซน แลนด์มาร์กหลักของจังหวัดซะงะเช่นกัน
Takeo เมืองแห่งออนเซนและต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์
ออนเซนนี้ไม่ได้เข้าไปเพราะหมดเวลาแล้ว เป้าหมายที่ต้องไปคือ ศาลเจ้า Takeo เพื่อไปดูต้นไม้สามพันปี และต้องเดินผ่านทิวไผ่ที่ปลูกขึ้นได้สวยงาม การเดินทางเข้าไปถึงต้นไม้สามพันปี (ต้นการบูร เค้าว่าอย่างนั้น) เงียบสงบผ่านศาลเจ้า Takeo ด้วย
แวะสวน Keishuen ที่อยู่ไม่ห่างจากที่นี่ค่ะ เป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำละคร “กลกิโมโน” เช่นกัน
ตอนที่ดอกไม้บานเยอะๆ จะสวยมากกกก ข้างบนสุดที่เห็นเป็นสีเขียวคือ ต้นชา ค่ะ
ลูกค้าที่พักในโรงแรมนี้เข้าชมสวนฟรี แต่ลูกค้าทั่วไปค่าเข้าแพงไปนิด …. Takeo Century Hotel
คืนนี้สองเราพักกันที่นี่ค่ะ เมือง Ureshino เมืองแห่งออนเซนที่ได้ชื่อว่าช่วยในเรื่องผิวพรรณ เมืองนี้มีออนเซนเยอะมากๆเลย พรุ่งนี้เราจะไปศาลเจ้า Yutoku Inari ก็เลยพักระหว่างทางที่นี่ เดินทางไม่ไกลสำหรับวันรุ่งขึ้น Wataya เรียวกังที่มีออนเซน บรรยากาศดีมาก ห้องสวยมาก อาหารก็อร่อยมากด้วย
ห้องเสื่อแบ่งเป็นสองส่วน นอนได้สองคนด้วยค่ะ เค้าจะมาปูที่นอนให้ตอนเราออกไปทานมื้อเย็น
วันที่สาม เราข้ามไปที่เมือง Kashima กันค่ะ เพื่อไปศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดที่นี่ Yutoku Inari Shrine ที่นี่ทั้งหนัง ละคร มาถ่ายกันให้เพียบเลย คงไม่ต้องบอกแล้วว่าคราวนี้มาตามรอยละครเรื่องใดบ้างเนอะ ….
ศาลเจ้ายูโทคุ ศาลเจ้าอินาริหนึ่งในสามที่สำคัญที่สุดในญี่ปุ่น
รีวิวฉบับเต็ม : http://redlovetree.com/yutoku-inari-shrine-saga/
โปรแกรมวันนี้ไม่แน่นมาก แต่เหนื่อยมากเพราะเดินเยอะค่ะ แค่เดินในวัดขึ้นเขา ไต่บันไดก็มีโอดครวญกันบ้าง
อ่อ อย่าลืมแวะเข้าไปดูสวนญี่ปุ่นภายในศาลเจ้ากันด้วยค่ะ ตอนที่ไปฝนตกปรอยๆทำให้ต้นไม้เป็นสีเขียวชะอุ่ม ดอกอะจิไซยังอยู่เต็มต้น งดงามจริงๆ
พักทานมื้อกลางวันด้วยโซเมน คล้ายกับเส้นขนมจีนบ้านเราค่ะ ทานร้อนๆกับของกรุบกริบที่มาในเซ็ต
ชามใหญ่มาก ทานจนเส้นอืดในท้องเลย พิกัดร้าน http://www.iimen.com/top/index.html
เตรียมไปเดินต่อย้อนเวลากันที่ Yoshonogari Park สวนประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโจมง (Jomon) ก่อนยุคยะโยอิ ที่นี่กว้างมากกกกกกกกกกก เดินกันเหนื่อยถามเค้าว่า “ทำไมไม่มีจักรยานให้เช่าหละคะ” เค้าบอกว่า อยากให้เดินชมบรรยากาศซึมซับการย้อนกลับไปอดีตค่ะ ดี~
สวนประวัติศาสตร์ยุคโจมงของญี่ปุ่นและซากวัฒนธรรมที่หลงเหลือ
คนชอบประวัติศาสตร์ ควรให้เวลาอยู่กับที่นี่ทั้งวันค่ะ เดินเรื่อยๆ(เพราะไม่มีจักรยาน) ดูทุกจุดแม้กระทั่งประตูไม้ที่สร้างเพื่อป้องกันข้าศึกรุกราน การใช้ชีวิตของคนสมัยก่อนภายใต้บ้านมุงหลังคาเตี้ยติดดิน และพิธีกรรมชาวบ้าน
*ก่อนวันสุดท้าย เรามีไป inspection โรงแรมมาหลายที่เลย จะรีวิวให้อันดับสุดท้าย เผื่อเป็นตัวเลือกสำหรับคนอยากพักที่นี่บ้าง ชมรีวิวจังหวัดซะงะกันไปขนาดนี้แล้ว อยากมาเที่ยวกันบ้างหรือยัง ใครกำลังวางแผนมาเที่ยวญี่ปุ่น ลองให้ Saga เป็นจุดหมายปลายทางก็ดีนะคะ ธรรมชาติก็งดงาม บรรยากาศก็ดี วิวทิวทัศน์ขนาดนี้ถ่ายรูปยังไงก็สวย บอกเลยยย … หากมีโอกาสรีบจองตั๋วเครื่องบินไปเที่ยวญี่ปุ่นกันเยอะๆค่ะ เพราะญี่ปุ่นยังมีอะไรให้ค้นหาอีกเพียบ ถ้ากำลังมองหาตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพงอยู่ละก็ลองดู Air Asia ก็ได้ โดยจองกับ Traveloka ก็ได้ค่ะ จะได้ราคาถูกมาก ฝากจังหวัดซะงะไว้ในอ้อมใจ อย่าหนีไป Fukuoka กับ Nagasaki กันหมดน๊าาาาาาา